พลังผนึกและชิ้นส่วนภาพ
(Synergy & Jigsaw)
ผมเคยได้ยินคำว่า Synergy (พลังผนึก) จากการควบรวมกิจการ (Merging) ของบริษัท 2 บริษัทในช่วงหลังวิกฤตปี 40 เช่น Ford กับ Mazda, HP กับ Compaq ในที่นี้ Synergy เขาให้ความหมายว่า เป็นการรวมกันของ 2 สิ่ง ทำให้เกิดผลลัพธ์ ที่ 1+1 ได้มากกว่า 2 เหตุเพราะ ด้วยจุดแข็งของทั้งสองบริษัท ทำให้พอรวมกันแล้ว เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับบริษัทมากขึ้น เป็นหลายเท่าตัว
อย่าง Mazda เป็นของญี่ปุ่น และ Ford เป็นของอเมริกา ต่างฝ่ายก็จะได้ลูกค้าเพิ่มจากของแต่ล่ะประเทศ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่ได้อย่างมาก
ส่วน HP กับ Compaq เป็นผู้นำตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ในอันดับ 1 ใน 5 สองบริษัทก็ไม่ต้องแข่งขันกันเองหลังรวมกันแล้ว เพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำของตลาดนี้
แต่สำหรับแนวคิดของ ม. ชีวิต คำว่า Synergy จะแปลเพิ่มว่า “พลังผนึกทวีคูณ”
ม.ชีวิต ได้นำแนวคิดจากชุมชนต้นแบบ ให้สร้างระบบเศรษฐกิจชุมชนพึ่งพาตนเองขึ้นมา กิจกรรม 1 กิจกรรม จะเป็น 1 จิ๊กซอว์ หลายๆ กิจกรรมนำมาเชื่อมโยงและเกื้อกูลกัน เกิดเป็นภาพต่อจิ๊กซอว์ที่เต็มภาพ ไม่ใช่ภาพที่เว้าๆ แหว่งๆ เหมือนหลายๆ โครงการที่ล้มเหลวไป เพราะหาจิ๊กซอว์มาต่อให้เป็นภาพใหญ่ไม่ได้ครบ
ระบบที่ว่านี้เป็นกิจกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ จนไปถึงปลายน้ำ คือ ตั้งแต่การหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต จนไปถึงมือผู้ซื้อ (Value Chain และ Logistic) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกันของชุมชนนั้นๆ จึงทราบได้ว่าชุมชนของตนเองต้องการอะไร ขาดสิ่งไหน และต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายในเรื่องใด จะเป็นกำไร เงินทอง หรือความสุขแบบพอเพียง
คือต้องคิดเป็นระบบ ไม่ใช่จะสร้างกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งให้สำเร็จเพียงกิจกรรมเดียว อย่าง OTOP ของตำบลไหนที่ล้มเหลว เพราะหวังเพียงจะให้กิจกรรมอันเดียวนั้นขายได้ ถ้ามันขายไม่ได้ก็ขาดทุนกันไป เพราะไม่มีกิจกรรมอื่นที่จะรองรับความล้มเหลว หรือช่วยลดความเสี่ยง ถ้าข้าวราคาไม่ดี คุณก็ยังมี อ้อย มี มันสำปะลัง คือ ปลูกพืชหลายชนิด ไม่ปลูกตามกันจนมันล้นตลาด เหมือน ลิ้นจี่ ในช่วงนี้ และ ลำไย ก็จะเป็นรายต่อไป
โดยความหมายของ Synergy ถ้าจะให้ได้ความหมายครอบคลุม ก็ต้องเป็น "พลังผนึกทวีคูณอันก่อเกิดผลเกินความคาดหมาย"
คือ กิจกรรมเพียงอย่างสองอย่าง ยังไม่พอที่จะก่อให้เกิดผลอย่างที่ต้องการได้ ต้องทำให้เป็นกิจกรรมเชิงระบบ เหมือนร่างกายมนุษย์ที่มีอวัยวะต่างๆ (Organism) ที่ทำหน้าที่ของตนเอง เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตนั้น ให้มีชีวิตยืนยาวที่สุด
ผลที่เกิดขึ้นคือ ชุมชนมีความรู้ สามารถนำภูมิปัญญาในท้องถิ่นตนเองมาใช้ได้ ไม่ต้องพึ่งพา หรือต้องรอความช่วยเหลือจากใคร รัฐบาลไหน อยู่กันได้อย่างมีกิน มีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได้ คิดเป็นทำเป็น อยู่อย่างพึ่งพา พอเพียง ยั่งยืน
ถ้าผลที่ออกมาเป็นได้ดังนี้ มันมากกว่าเกินความคาดหมายครับ มันเหนือคำบรรยายแล้วครับ สำหรับผม
By LU KK
อย่าง Mazda เป็นของญี่ปุ่น และ Ford เป็นของอเมริกา ต่างฝ่ายก็จะได้ลูกค้าเพิ่มจากของแต่ล่ะประเทศ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการหาลูกค้าใหม่ได้อย่างมาก
ส่วน HP กับ Compaq เป็นผู้นำตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ในอันดับ 1 ใน 5 สองบริษัทก็ไม่ต้องแข่งขันกันเองหลังรวมกันแล้ว เพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำของตลาดนี้
แต่สำหรับแนวคิดของ ม. ชีวิต คำว่า Synergy จะแปลเพิ่มว่า “พลังผนึกทวีคูณ”
ม.ชีวิต ได้นำแนวคิดจากชุมชนต้นแบบ ให้สร้างระบบเศรษฐกิจชุมชนพึ่งพาตนเองขึ้นมา กิจกรรม 1 กิจกรรม จะเป็น 1 จิ๊กซอว์ หลายๆ กิจกรรมนำมาเชื่อมโยงและเกื้อกูลกัน เกิดเป็นภาพต่อจิ๊กซอว์ที่เต็มภาพ ไม่ใช่ภาพที่เว้าๆ แหว่งๆ เหมือนหลายๆ โครงการที่ล้มเหลวไป เพราะหาจิ๊กซอว์มาต่อให้เป็นภาพใหญ่ไม่ได้ครบ
ระบบที่ว่านี้เป็นกิจกรรมตั้งแต่ต้นน้ำ จนไปถึงปลายน้ำ คือ ตั้งแต่การหาวัตถุดิบ กระบวนการผลิต จนไปถึงมือผู้ซื้อ (Value Chain และ Logistic) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกันของชุมชนนั้นๆ จึงทราบได้ว่าชุมชนของตนเองต้องการอะไร ขาดสิ่งไหน และต้องการที่จะบรรลุเป้าหมายในเรื่องใด จะเป็นกำไร เงินทอง หรือความสุขแบบพอเพียง
คือต้องคิดเป็นระบบ ไม่ใช่จะสร้างกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งให้สำเร็จเพียงกิจกรรมเดียว อย่าง OTOP ของตำบลไหนที่ล้มเหลว เพราะหวังเพียงจะให้กิจกรรมอันเดียวนั้นขายได้ ถ้ามันขายไม่ได้ก็ขาดทุนกันไป เพราะไม่มีกิจกรรมอื่นที่จะรองรับความล้มเหลว หรือช่วยลดความเสี่ยง ถ้าข้าวราคาไม่ดี คุณก็ยังมี อ้อย มี มันสำปะลัง คือ ปลูกพืชหลายชนิด ไม่ปลูกตามกันจนมันล้นตลาด เหมือน ลิ้นจี่ ในช่วงนี้ และ ลำไย ก็จะเป็นรายต่อไป
โดยความหมายของ Synergy ถ้าจะให้ได้ความหมายครอบคลุม ก็ต้องเป็น "พลังผนึกทวีคูณอันก่อเกิดผลเกินความคาดหมาย"
คือ กิจกรรมเพียงอย่างสองอย่าง ยังไม่พอที่จะก่อให้เกิดผลอย่างที่ต้องการได้ ต้องทำให้เป็นกิจกรรมเชิงระบบ เหมือนร่างกายมนุษย์ที่มีอวัยวะต่างๆ (Organism) ที่ทำหน้าที่ของตนเอง เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตนั้น ให้มีชีวิตยืนยาวที่สุด
ผลที่เกิดขึ้นคือ ชุมชนมีความรู้ สามารถนำภูมิปัญญาในท้องถิ่นตนเองมาใช้ได้ ไม่ต้องพึ่งพา หรือต้องรอความช่วยเหลือจากใคร รัฐบาลไหน อยู่กันได้อย่างมีกิน มีศักดิ์ศรี พึ่งตนเองได้ คิดเป็นทำเป็น อยู่อย่างพึ่งพา พอเพียง ยั่งยืน
ถ้าผลที่ออกมาเป็นได้ดังนี้ มันมากกว่าเกินความคาดหมายครับ มันเหนือคำบรรยายแล้วครับ สำหรับผม
By LU KK
ดิ โอฬาร โปรเจ็ค - เหนือคำบรรยาย
แทนความห่วงใย(ดิโอฬาร โปรเจ็คท์)
สุดไกลตาฟ้ากว้างใหญ่เพียงใด ส่งดวงใจถึงกัน
ไม่มีใดใดใครมาหยุดยั้ง หัวใจห่วงหา
จากไกลกัน วันนั้นยังจดยังจำ ถึงคำอำลาอาลัย
อยู่แห่งหนไหน ขอบทเพลงนี้แทนถ้อยคำ จากหัวใจ...
--------
ศูนย์เรียนรู้ ม.ชีวิต นครขอนแก่น ภาคปฏิบีติ
หลังจากได้ไปเยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้ทางการเกษตร หรือเยี่ยมเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ต่างๆ ทาง ผอ.ศูนย์ จึงได้ทดลองเลี้ยงกบในบ่อซีเมนต์ เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด ปลูกดอกสลิด นอกจากนี้ยังปลูกฝักข้าว หลังจากที่ได้ปลูกกล้วยรอบที่ดินเพื่อเป็นการบำรุงดินไปก่อนหน้านี้แล้ว และช่วงนี้ก็เตรียมจะปลูกข้าวนาปลัง
--- หลังจากเลี้ยงเป็ด ขณะนี้ก็ได้กินไข่เป็ดกันแล้ว
--- ต้นดอกสลิด
--- ประชุมย่อยเพื่อที่จะนำผลผลิตที่ได้จาก ศรร. ไปจำหน่ายในงานเกษตร ที่ ม.ขอนแก่น 
---- ถ่ายรูปเพื่อจะนำไปทำป้ายประชาสัมพันธ์การเปิด ม.ชีวิต ในปีการศึกษานี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น