-----------ผอ.ศูนย์ฯ และ แม่บังอร
การเลี้ยงกบในบ่อดิน
ผู้อำนวยการ ศูนย์เรียนรู้นครขอนแก่น มีที่ดินส่วนตัว 25ไร่ ได้จัดสรรให้ นศ. ม.ชีวิต ทำนาร่วมกัน ตามที่ได้เขียนไปแล้ว ทางทีมงานจึงได้คิดต่อกันว่าจะใช้ที่แปลงนี้เป็น ศูนย์เรียนรู้ที่จะเป็นพื้นที่สาธิต การเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นที่มาของ หลักสูตรทั้งหมดของ ม.ชีวิต
เวลามีคนถามว่า ม.ชีวิต คืออะไร?
เราก็จะตอบว่า ก็คือการเรียนระดับอุดมศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ มีหลักสูตรในระดับ ป.ตรี และ ป.โท
แล้วเรียนที่ไหน?
เราก็ตอบว่า ก็ใช้อาคารสถานที่ในท้องถิ่น จะเป็นห้องเรียนในโรงเรียน ห้องประชุมของอบต. ศาลากลางหมู่บ้าน หรือในโบสถ์ (ผอ. เป็นพระ) และตอบตามแนวคิดที่ว่า “เรียนได้ ทุกที่ ทุกเวลา” จะเรียนใต้ร่มไม้ก็ได้ เพราะแนวคิดของ ม.ชีวิต หลุดจากข้อจำกัดและพันธนาการทั้งปวง เพื่อให้การศึกษาลงไปในทุกพื้นที่ของประเทศเท่าที่จะทำได้
การเรียนใต้ร่มไม้ เป็นการตอบเพื่อให้เข้าใจแนวคิดของ ม.ชีวิต ในทางปฏิบัติก็คงไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่แล้วมันก็เกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นกับ ศรร.นครขอนแก่น เพราะเราตั้งใจกันว่าจะใช้ที่ดินแปลงนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ของทั้งสามหลักสูตรที่เรามี และในระยะแรกของการปรับสภาพพื้นที่ เราจะทำเป็น 'ห้องเรียนแบบหลังคามุงจาก' ไปก่อน แล้วค่อยๆ ปรับปรุงไปเรื่อยๆ ในอนาคต แต่เราก็ยังคงใช้ห้องเรียนเดิมที่ ร.ร. เทศบาลโนนทัน สลับกันกับพื้นที่นี้
และเราจะมีการสาธิตกิจกรรมต่างๆ ที่ทางศูนย์ได้ทำไป หรือ ที่มีในหน้าเว็บนี้ เอามารวมไว้ที่นี้ทั้งหมด เช่น การเพาะเห็นในโอ่ง การเลี้ยงปลาดุก บ้านดิน น้ำยาล้างจาน ไข่เค็ม น้ำมันนวด ฯลฯ เพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้ที่สมบูรณ์ตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง
หมู่บ้านฝั่งตรงข้ามของที่ดิน คือบ้านหนองแสง ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีการเลี้ยงกบ เราจึงได้ข้ามไปดู บ้านที่เลี้ยงกบเป็นของ แม่บังอร หลักคำ เริ่มเลี้ยงโดยซื้อแม่พันธุ์พ่อพันธุ์มาหนึ่งคู่ ผ่านไป 1ปี ก็มีกบเป็นสิบบ่ออย่างที่เห็นในภาพ
ผู้อำนวยการ ศูนย์เรียนรู้นครขอนแก่น มีที่ดินส่วนตัว 25ไร่ ได้จัดสรรให้ นศ. ม.ชีวิต ทำนาร่วมกัน ตามที่ได้เขียนไปแล้ว ทางทีมงานจึงได้คิดต่อกันว่าจะใช้ที่แปลงนี้เป็น ศูนย์เรียนรู้ที่จะเป็นพื้นที่สาธิต การเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นที่มาของ หลักสูตรทั้งหมดของ ม.ชีวิต
เวลามีคนถามว่า ม.ชีวิต คืออะไร?
เราก็จะตอบว่า ก็คือการเรียนระดับอุดมศึกษาสำหรับผู้ใหญ่ มีหลักสูตรในระดับ ป.ตรี และ ป.โท
แล้วเรียนที่ไหน?
เราก็ตอบว่า ก็ใช้อาคารสถานที่ในท้องถิ่น จะเป็นห้องเรียนในโรงเรียน ห้องประชุมของอบต. ศาลากลางหมู่บ้าน หรือในโบสถ์ (ผอ. เป็นพระ) และตอบตามแนวคิดที่ว่า “เรียนได้ ทุกที่ ทุกเวลา” จะเรียนใต้ร่มไม้ก็ได้ เพราะแนวคิดของ ม.ชีวิต หลุดจากข้อจำกัดและพันธนาการทั้งปวง เพื่อให้การศึกษาลงไปในทุกพื้นที่ของประเทศเท่าที่จะทำได้
การเรียนใต้ร่มไม้ เป็นการตอบเพื่อให้เข้าใจแนวคิดของ ม.ชีวิต ในทางปฏิบัติก็คงไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่แล้วมันก็เกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นกับ ศรร.นครขอนแก่น เพราะเราตั้งใจกันว่าจะใช้ที่ดินแปลงนี้เป็นศูนย์เรียนรู้ของทั้งสามหลักสูตรที่เรามี และในระยะแรกของการปรับสภาพพื้นที่ เราจะทำเป็น 'ห้องเรียนแบบหลังคามุงจาก' ไปก่อน แล้วค่อยๆ ปรับปรุงไปเรื่อยๆ ในอนาคต แต่เราก็ยังคงใช้ห้องเรียนเดิมที่ ร.ร. เทศบาลโนนทัน สลับกันกับพื้นที่นี้
และเราจะมีการสาธิตกิจกรรมต่างๆ ที่ทางศูนย์ได้ทำไป หรือ ที่มีในหน้าเว็บนี้ เอามารวมไว้ที่นี้ทั้งหมด เช่น การเพาะเห็นในโอ่ง การเลี้ยงปลาดุก บ้านดิน น้ำยาล้างจาน ไข่เค็ม น้ำมันนวด ฯลฯ เพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้ที่สมบูรณ์ตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง
หมู่บ้านฝั่งตรงข้ามของที่ดิน คือบ้านหนองแสง ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น มีการเลี้ยงกบ เราจึงได้ข้ามไปดู บ้านที่เลี้ยงกบเป็นของ แม่บังอร หลักคำ เริ่มเลี้ยงโดยซื้อแม่พันธุ์พ่อพันธุ์มาหนึ่งคู่ ผ่านไป 1ปี ก็มีกบเป็นสิบบ่ออย่างที่เห็นในภาพ
---------บ่อกบ 2 เดือน
-------ใช้เวลาปีเดียวครับ มีบ่อกบเป็นสิบบ่อ
จะมีบ่อแม่พันธ์ และบ่อลูกอ๊อด อย่างล่ะหนึ่งบ่อ ที่เหลือก็จะเป็นบ่อกบอายุตั้งแต่ 1 เดือน จนถึง 3 เดือน ซึ่งจะขายได้ 100 บาท/กก. ถ้ากบ 3 เดือน 4 ตัว ก็จะได้ 1 กก.
บ่อลูกอ๊อดเปลี่ยนน้ำเดือนละครั้งก็ได้ บ่อพ่อแม่พันธ์ก็สักสามอาทิตย์ค่อยเปลี่ยนน้ำ แต่ถ้าเป็นบ่อกบที่กำลังโต ควรเปลี่ยนวันเว้นวัน เพราะบ่อจะสกปรกเร็ว เพราะถ้าบ่อกบ 1 เดือนจะมีกบประมาณ 600 ตัว ในบ่อขนาด 2.5x3 เมตร ถ้ากบ 3 เดือน 1 บ่อ มีประมาณ 400-500 ตัว
ลองคำนวณรายได้ต่อบ่อกบอายุ 3เดือน ถ้า 400 ตัว ก็ 100 กก. คูณ 100 บาท ก็ 10,000 บาท โอละน้อ!! บ้านผมไม่มีพื้นที่เลย ถ้าเลี้ยงในบ่อซีเมนต์จะได้หรือป่าวน้า???? ของแม่บังอร 10 บ่อ ก็เป็นแสนซิครับ พี่น้อง สิ่งแรกที่จะทำบนพื้นที่ของศูนย์ เราจึงเลือกที่จะเลี้ยงกบ เป็นอันดับแรก ครับ
ก้นบ่อรองด้วยพลาสติก ล้อมบ่อด้วยตาข่ายตามภาพ ศัตรูของกบคือ หนู กับ งู ศัตรูอีกอย่างที่สำคัญคือ กบด้วยกันเอง ขณะที่กำลังถ่ายรูป กบตัวใหญ่ กำลังงับขากบตัวเล็ก แม่บังอรบอก มันพยายามจะกินกบตัวเล็ก คือ กบจะกินกันเองตั้งแต่ยังเป็นลูกอ๊อด ซึ่งเราจะยังแยกบ่อไม่ได้ พอลูกอ๊อดเริ่มโตเป็นกบ เราก็ต้องจับแยกออกไปไว้อีกบ่อ เพื่อไม่ให้กบกินลูกอ๊อด
แม่บังอร ใช้อาหารปลาดุกถุงละ 400 บาท เป็นอาหารกบ และเล่าว่าก่อนหน้านี้เคยเลี้ยงปลาดุก แต่ราคาขายต่ำกว่ากบ (ปลาดุกราคาประมาณ 50-70 บาท/กก.) และปลาดุกกินอาหารมากกว่ากบ การแพร่พันธุ์ก็ออกลูกไม่มากเท่ากบ คือ ต้นทุนการเลี่ยงสูงกว่า แต่ราคาขายต่ำกว่ากบ
มีหมู่บ้านอื่นเขาขายแม่พันธุ์คู่ละ 1,000 บาท (มีชื่อเสียงในท้องถิ่น) ของแม่บังอร ขายคู่ละ 300 บาท บ้านอีกหลังในหมู่บ้านเดียวกันขาย 400 บาท แต่ช่วงนี้แม่พันธุ์ของแกมีน้อยจึงยังไม่ขาย
มีบ้านอีกหลังในหมูบ้านนี้ เลี้ยงกบ ในพื้นที่นาเลย นึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นยัง โอกาสหน้าจะเก็บภาพมาให้ดูกัน ครับ
ต้องขอขอบคุณแม่บังอร ที่ได้ให้ความรู้กับเราในวันนี้ และเราได้เชิญแม่บังอรไว้ล่วงหน้า จะให้เป็นวิทยากรสำหรับศูนย์ของเรา คนที่มีความรู้ความชำนาญก็อยู่รอบตัวเรานี้แหละครับ
จะมีบ่อแม่พันธ์ และบ่อลูกอ๊อด อย่างล่ะหนึ่งบ่อ ที่เหลือก็จะเป็นบ่อกบอายุตั้งแต่ 1 เดือน จนถึง 3 เดือน ซึ่งจะขายได้ 100 บาท/กก. ถ้ากบ 3 เดือน 4 ตัว ก็จะได้ 1 กก.
บ่อลูกอ๊อดเปลี่ยนน้ำเดือนละครั้งก็ได้ บ่อพ่อแม่พันธ์ก็สักสามอาทิตย์ค่อยเปลี่ยนน้ำ แต่ถ้าเป็นบ่อกบที่กำลังโต ควรเปลี่ยนวันเว้นวัน เพราะบ่อจะสกปรกเร็ว เพราะถ้าบ่อกบ 1 เดือนจะมีกบประมาณ 600 ตัว ในบ่อขนาด 2.5x3 เมตร ถ้ากบ 3 เดือน 1 บ่อ มีประมาณ 400-500 ตัว
ลองคำนวณรายได้ต่อบ่อกบอายุ 3เดือน ถ้า 400 ตัว ก็ 100 กก. คูณ 100 บาท ก็ 10,000 บาท โอละน้อ!! บ้านผมไม่มีพื้นที่เลย ถ้าเลี้ยงในบ่อซีเมนต์จะได้หรือป่าวน้า???? ของแม่บังอร 10 บ่อ ก็เป็นแสนซิครับ พี่น้อง สิ่งแรกที่จะทำบนพื้นที่ของศูนย์ เราจึงเลือกที่จะเลี้ยงกบ เป็นอันดับแรก ครับ
ก้นบ่อรองด้วยพลาสติก ล้อมบ่อด้วยตาข่ายตามภาพ ศัตรูของกบคือ หนู กับ งู ศัตรูอีกอย่างที่สำคัญคือ กบด้วยกันเอง ขณะที่กำลังถ่ายรูป กบตัวใหญ่ กำลังงับขากบตัวเล็ก แม่บังอรบอก มันพยายามจะกินกบตัวเล็ก คือ กบจะกินกันเองตั้งแต่ยังเป็นลูกอ๊อด ซึ่งเราจะยังแยกบ่อไม่ได้ พอลูกอ๊อดเริ่มโตเป็นกบ เราก็ต้องจับแยกออกไปไว้อีกบ่อ เพื่อไม่ให้กบกินลูกอ๊อด
แม่บังอร ใช้อาหารปลาดุกถุงละ 400 บาท เป็นอาหารกบ และเล่าว่าก่อนหน้านี้เคยเลี้ยงปลาดุก แต่ราคาขายต่ำกว่ากบ (ปลาดุกราคาประมาณ 50-70 บาท/กก.) และปลาดุกกินอาหารมากกว่ากบ การแพร่พันธุ์ก็ออกลูกไม่มากเท่ากบ คือ ต้นทุนการเลี่ยงสูงกว่า แต่ราคาขายต่ำกว่ากบ
มีหมู่บ้านอื่นเขาขายแม่พันธุ์คู่ละ 1,000 บาท (มีชื่อเสียงในท้องถิ่น) ของแม่บังอร ขายคู่ละ 300 บาท บ้านอีกหลังในหมู่บ้านเดียวกันขาย 400 บาท แต่ช่วงนี้แม่พันธุ์ของแกมีน้อยจึงยังไม่ขาย
มีบ้านอีกหลังในหมูบ้านนี้ เลี้ยงกบ ในพื้นที่นาเลย นึกภาพไม่ออกว่าจะเป็นยัง โอกาสหน้าจะเก็บภาพมาให้ดูกัน ครับ
ต้องขอขอบคุณแม่บังอร ที่ได้ให้ความรู้กับเราในวันนี้ และเราได้เชิญแม่บังอรไว้ล่วงหน้า จะให้เป็นวิทยากรสำหรับศูนย์ของเรา คนที่มีความรู้ความชำนาญก็อยู่รอบตัวเรานี้แหละครับ
----ถนนตรงกลางที่ดิน จะสร้างห้องเรียนตรงรถคันสีขาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น